ศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่ยากอย่างที่คิด ค้นหาโรงเรียนสอนภาษากว่า 600 แห่ง ใน 6 ประเทศ

เจาะลึก!! เกณฑ์การให้คะแนนของ IELTS ทุก Part!!

2 สิงหาคม 2561 Ielts ทิปส์ คอร์สเรียน นักเรียน

การสอบ IELTS (แบบ Academic Module) เป็นการสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย 4 ทักษะเช่นเดียวกันกับ TOEFL เรียงตามลำดับการสอบ คือ Listening, Reading, Writing, และ Speaking โดยมีลักษณะคะแนน เริ่มจาก 0.0 – 9.0 มีคะแนนครึ่ง band คือ .5 อะไรประมาณนี้ เรามาดูรายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนเจาะลึกแบบแต่ละพาร์ทกันเลยดีกว่าค่ะ

Listening

คือ การทดสอบการฟัง โดยมีเวลาให้ 30 นาที กับคำถามทั้งหมด 40 ข้อ ข้อที่ตอบถูกจะนับเท่ากับ 1 คะแนน ดังนั้นคะแนนดิบสูงสุดจะเท่ากับ 40 คะแนน และคิดเป็นระดับคะแนน IELTS Band Score 1-9 ตามคะแนนดิบที่ผู้สอบทำได้ โดยมีทั้งหมด 4 ส่วน ซึ่งสองส่วนแรกจะเน้นเรื่องการสนทนาในชีวิตประจำวันระหว่างคนสองคน สองส่วนสุดท้ายจะเน้นไปในเรื่องของสถานการณ์จำลองโดยบทสนทนาจะเกี่ยวกับวิชาการหรือการศึกษา  โดยข้อสอบจะเริ่มจากง่ายไปยาก เช่น บทสนทนาแรกเป็นการพูดโทรศัพท์ บทสนทนาที่สองการสั่งอาหาร ไปจนถึงท้ายๆ เป็นการบรรยายสั้นในห้องเรียน หรือการปรึกษางานกลุ่มระหว่างนักเรียน วันนี้พี่ๆ SI-English นำแบบเกณฑ์ให้คะแนนดิบเทียบคะแนน Band มาให้น้องๆ ได้ดู เพื่อทีจะตั้งเป้าหมายได้

  • Score 39-40 BandScore 37-38 Band 8.5
  • Score 35-36 BandScore 32-34 Band 7.5
  • Score 30-31 BandScore 26-29 Band 6.5
  • Score 23-25 BandScore 18-22 Band 5.5
  • Score 16-17 BandScore 13-15 Band 4.5
  • Score 10-12 Band Score  8-10  Band 3.5
  • Score  6-7   Band  3  Score  4-5   Band 2.5

เทคนิคสำหรับข้อสอบ Part Listening

  • เน้นฝึกทำข้อสอบและจับเวลา เขียนคำตอบลงบนกระดาษคำถามก่อน หลังจากฟังจบ จะมีเวลาให้กรอกคำตอบ ค่อยตอบลงในกระดาษคำตอบค่ะ 

Reading

คือ การทดสอบการอ่าน ใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาที ข้อสอบจะมีเรื่องสั้นให้อ่าน 3 เรื่อง ซึ่งเนื้อหาจะมาจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และหนังสือต่างๆ มีทั้งเป็นบทความ ข่าว หรือเชิงวิชาการ ซึ่งหนึ่งในนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น และอาจจะเป็นคำถามจากเนื้อหาที่เราได้อ่านมานั่นเอง ข้อสอบทั้งหมดมี 40 ข้อ ลักษณะคำถามคำตอบ เป็นแบบเขียนตอบ เช่น เติมคำ ในประโยค, Matching ข้อสอบแนวนี้ถือว่ายากที่สุด เราต้องหา Main Idea ของทุกย่อหน้า แล้วใช้ทั้งเวลาคิด วิเคราะห์ ข้อสอบจะมีให้จับคู่ ,Yes/No/Not Given เป็นข้อสอบที่ให้เราอ่านบทความแล้ววิเคราะห์ว่า ประโยคไหนในแต่ละข้อมีความคิดแนวทางไปทางเดียวกับผู้เขียน แนะนำให้อ่านจนแน่ใจก่อนว่าโจทย์สื่อถึงอะไร รูปแบบไหน,เรียงลำดับ หรือแบบปรนัยด้วย เกณฑ์ตารางการให้คะแนนจะเหมือนกับพาร์ท Listening

เทคนิคการอ่านสำหรับข้อสอบ Part Reading

  • Skimming (การอ่านแบบข้าม) โดยอ่านข้อความอย่างเร็วๆ เป็นจุดๆ เช่นการอ่าน 2-3 คำแรก หรือ 2-3 ประโยคแรกแล้วข้ามไป จุดประสงค์มี 2 อย่าง คือ เก็บใจความสำคัญ และ อ่านเพื่อเก็บรายละเอียดที่สำคัญของบทความ
  • Scanning (การอ่านจับจุด) คือ การอ่านผ่านๆ เพื่อจับประเด็นที่เราต้องการ เช่น ชื่อคน, เวลา, ตัวเลข จุดประสงค์ของการอ่านชนิดนี้ เพื่อหาข้อมูลบางอย่างเท่านั้น เช่น การดูตารางเวลาเรียน, การดูเวลาเที่ยวบิน เป็นต้น

นอกจากนี้อย่าลืมหาบทความมาฝึกอ่านบ่อยๆ เพื่อจะได้เป็นคนอ่านเร็วขึ้น มีคล่องแคล่ว และข้อไหนที่ทำไม่ได้ แนะนำให้ข้ามไปก่อน ค่อยกลับมาตอบทีหลัง อย่าอยู่กับข้อใดข้อหนึ่งนานเกินไป จนทำข้อสอบไม่ทันนะคะ

ielts

Writing

คือ การทดสอบการเขียน ในการสอบแบบ Academic จะมีเวลาให้ 60 นาที และมีทั้งหมดสองส่วน แยกได้ดังนี้

Task 1 ต้องเขียนเกี่ยวกับ ไดอะแกรม พวกกราฟแท่ง กราฟเส้น หรือวงกลม (pie chart) หรือตาราง การจัดลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง โดยการทดสอบทั้งหมดนี้เป็นการวัดระดับความสามารถในการจัดระเบียบข้อมูลและการอธิบายเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านั้น  ต้องเขียนตอบไม่น้อยกว่า 150 คำ ซึ่งส่วนนี้แนะนำว่าไม่ควรใช้เวลาเกิน 20 นาที

Task 2 เป็นการเขียนตอบในหัวข้อทั่วไป โดยให้เราแสดงความคิดเห็นของตัวเอง อาจจะเสนอวิธีการแก้ปัญหา การเปรียบเทียบทางเลือก ต้องเขียนตอบไม่น้อยกว่า 250 คำ จึงไม่ควรใช้เวลามากเกินกว่า 40 นาที

เกณฑ์ในการให้คะแนน IELTS Writing

  • Task response 25% การตอบให้ตรงกับคำถาม มีเหตุผลสนับสนุนที่สอดคล้อง
  • Coherence and Cohesion 25% ลำดับการเล่าเรื่องดี มีการใช้ transitions words อย่างเหมาะสม
  • Lexical Resource 25% ใช้คำศัพท์ที่หลายหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เขียน สะกดคำถูกต้อง
  • Grammatical range and accuracy 25% คือมีการใช้รูปแบบประโยคหลากหลาย ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

การคิดคะแนนจะให้ความสำคัญทั้ง 4 องค์ประกอบอย่างเท่าเทียมกัน

เทคนิคการอ่านสำหรับข้อสอบ Part Writing

  • ใช้ tense ธรรมดาสามัญ ไม่ควรใช้คำศัพท์ที่ไม่ถนัด เข้าใจยาก รวมทั้งศึกษาและฝึกฝนการใช้ transition words, compare and contrast words
  • บริหารจัดการเวลาให้เป็นอย่างดี ไม่ควรเทเวลาให้กับส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ป้องกันทำข้อสอบไม่ทันค่ะ
  • เขียนตอบแบบบรรทัดเว้นบรรทัด เวลาเขียนผิดไม่ต้องลบ ขีดฆ่าแล้วแก้ไว้ด้านบนแทนจะทำให้ข้อสอบดูอ่านง่าย
  • เขียนเกินกว่าจำนวนคำที่กำหนดได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป เช่น กำหนด 150 คำ ไม่ควรเขียนเกิน 170 คำ เขียนเยอะมาก คนตรวจก็ขี้เกียจอ่าน จะหักคะแนนเอาด้วย

Speaking

คือ การทดสอบการพูด ใช้เวลาในการสอบประมาณ 10-15 นาที เป็นการสัมภาษณ์ระหว่างผู้สอบและเจ้าหน้าที่ เพื่อทดสอบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งการทดสอบจะแบ่งเป็นสามส่วน ดังนี้

ส่วนที่หนึ่ง เป็นส่วนที่ถือว่าง่ายสุด เจ้าหน้าที่จะทำการสัมภาษณ์คุณในเรื่องส่วนตัว คุยกันแบบสบายๆ ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง อย่างเรื่องครอบครัว เรื่องเรียน และเรื่องความสนใจของคุณ เช่น ชอบทำงานอดิเรกอะไร และจะมี key question ที่นำไปสู่การสอบส่วนที่สอง โดยข้อสอบส่วนที่หนึ่งนี้จะใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 5 นาที

ส่วนที่สอง เริ่มยากขึ้นมาหน่อย เป็นการ์ดคำถาม โดยผู้สอบจะต้องตอบคำถามจากหัวข้อที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ มีเวลาให้เตรียมตัว 1 นาที และทดสอบการพูดประมาณ 2 นาที และเจ้าหน้าที่จะทำการถามคำถามจากสิ่งที่คุณได้พูดไป ต่อเนื่องมาจากคำถามส่วนที่หนึ่ง

ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ยากสุด เป็นการโต้แย้งกันระหว่าง Examiner กับ ผู้เข้าสอบ โดยแสดงความคิดเห็น ซึ่งหัวข้อที่โต้แย้งกันก็จะเป็นหัวข้อในส่วนที่สอง ใช้เวลาในส่วนนี้ประมาณ 5 นาที

เกณฑ์ในการให้คะแนน IELTS Speaking

  • Fluency and Coherence ความคล่องและความต่อเนื่องทางภาษา
  • Lexical Resource ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่กว้างและหลากหลาย และเลือกใช้คำศัพท์ในแต่ละบริบทที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม ตามรูปประโยคนั้นๆ
  • Grammatical Range and Accuracy ใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษและ Tense ได้ถูกต้อง รวมทั้งการเชื่อมคำได้อย่างถูกหลักไวยากรณ์
  • Pronunciation ความสามารถในการใช้สำเนียงออกเสียง

เทคนิคการอ่านสำหรับข้อสอบ Part Speaking

  • ฝึกพูดให้มาก ข้อสอบในส่วนที่สองและสาม ซึ่งมีคะแนนเยอะ อาจจะอัดเสียงไว้ละนำมาฟัง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนะคะ
  • อย่าเครียด เวลาพูดตอบ ไม่ต้องรีบร้อน พูดช้าๆ ชัดๆ
  • รู้จักสังเกตท่าทีของ Examiner ถ้าดูเป็นคนไม่ซีเรียสก็ตอบไปแบบร่าเริงได้ แต่ถ้าดูท่าทางซีเรียส ควรตอบด้วยน้ำเสียงเป็นทางการนะคะ

ตามที่เบื้องต้นได้แจ้งไว้ก็คือ การสอบไอเอลมีระดับผลคะแนน 9 ระดับจากสูงไปต่ำ ในแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ โดยผลคะแนนสอบจะออกมาหลังจากการสอบประมาณ 5 วัน ผลสอบเก็บไว้ไว้ได้นาน 2 ปี และไม่มีการแจ้งผลสอบทางโทรศัพท์ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม

เตรียมความพร้อมก่อนไปสอบ IELTS

สำหรับน้องๆ ที่ต้องการเตรียมความพร้อมก่อนไปสอบ IELTS แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จะติวเองก็กลัวไม่ตรงจุด เรียนพิเศษก็ไม่มั่นใจ SI-English มีโปรโมชั่นเรียนภาษาอังกฤษ ราคาไม่แรง แน่นด้วยคุณภาพจากโรงเรียน Langports Language College ในออสเตรเลีย หลายสาขาทั้งบริสเบน โกลด์โคสท์ และซิดนีย์ ที่จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักเรียนไทยโดยเฉพาะ! เพียงสมัครเรียนหลักสูตรที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ค่าเรียนเพียง $250 หรือประมาณ 8,300 บาท เท่านั้น คุ้มสุดๆ นอกจากหลักสูตร IELTS ที่โดดเด่นแล้ว Langports Language College ก็ยังมีอีกหลายหลักสูตรเลยนะคะ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคมนี้นะคะ หรือน้องๆ ที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษในประเทศอื่น เช่นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ หรือไอร์แลนด์ สามารถมาปรึกษาและขอรับคำแนะนำฟรีจาก SI-English ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนภาษาอังกฤษ ได้เลยค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

การสอบ IELTS TOEIC และ TOEFL แตกต่างกันอย่างไร

คะแนน TOEIC พุ่งชัวร์ !! รีบลงเรียน 5 คอร์สภาษาออนไลน์ !!

คุณรู้จัก Skimming, Scanning และ Details Reading - 3 ทักษะสำคัญในการทำข้อสอบ Reading แล้วหรือยัง

© SI-English | All rights reserved | Privacy Policy