จะสอบไอเอลท์ (Ielts) ทั้งที ต้องเตรียมตัวอย่างไร อ่านหนังสืออะไรบ้าง ต้องลงคอร์สกับโรงเรียนสอนภาษามั๊ย? ไม่ต้องกังวลไป SI-English มีทุกคำแนะนำมามอบให้น้องๆ กับบทความ 6 เทคนิค เตรียมสอบ IELTS เตรียมตัวดี คะแนนสูง ชัวร์! สำหรับน้องๆ คนไหนที่ยังไม่รู้จักกับ IELTS ลองอ่านบทความ ไขข้อข้องใจว่าทำไมเราต้องสอบ IELTS
ทำความรู้จักการสอบ IELTS
ทำความรู้จักกันก่อนเกี่ยวกับเกณฑ์การให้คะแนน IELTS การสอบ IELTS (แบบ Academic Module) นั้นเป็นการสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย 4 ทักษะเช่นเดียวกันกับ TOEFL เรียงตามลำดับการสอบ คือ Listening, Reading, Writing, และ Speaking โดยมีลักษณะคะแนน เริ่มจาก 0.0 – 9.0 มีคะแนนครึ่ง band คือ .5 อะไรประมาณนี้ เรามาดูรายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนเจาะลึกแบบแต่ละพาร์ทกันเลยดีกว่า
Listening
คือ การทดสอบการฟัง โดยมีเวลาให้ 30 นาที กับคำถามทั้งหมด 40 ข้อ ข้อที่ตอบถูกจะนับเท่ากับ 1 คะแนน ดังนั้นคะแนนดิบสูงสุดจะเท่ากับ 40 คะแนน และคิดเป็นระดับคะแนน IELTS Band Score 1-9 ตามคะแนนดิบที่ผู้สอบทำได้ โดยมีทั้งหมด 4 ส่วน ซึ่งสองส่วนแรกจะเน้นเรื่องการสนทนาในชีวิตประจำวันระหว่างคนสองคน สองส่วนสุดท้ายจะเน้นไปในเรื่องของสถานการณ์จำลองโดยบทสนทนาจะเกี่ยวกับวิชาการหรือการศึกษา โดยข้อสอบจะเริ่มจากง่ายไปยาก เช่น บทสนทนาแรกเป็นการพูดโทรศัพท์ บทสนทนาที่สองการสั่งอาหาร ไปจนถึงท้ายๆ เป็นการบรรยายสั้นในห้องเรียน หรือการปรึกษางานกลุ่มระหว่างนักเรียน
Reading
คือ การทดสอบการอ่าน ใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาที ข้อสอบจะมีเรื่องสั้นให้อ่าน 3 เรื่อง ซึ่งเนื้อหาจะมาจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และหนังสือต่างๆ มีทั้งเป็นบทความ ข่าว หรือเชิงวิชาการ ซึ่งหนึ่งในนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น และอาจจะเป็นคำถามจากเนื้อหาที่เราได้อ่านมานั่นเอง ข้อสอบทั้งหมดมี 40 ข้อ ลักษณะคำถามคำตอบ เป็นแบบเขียนตอบ เช่น เติมคำ ในประโยค, Matching ข้อสอบแนวนี้ถือว่ายากที่สุด เราต้องหา Main Idea ของทุกย่อหน้า แล้วใช้ทั้งเวลาคิด วิเคราะห์ ข้อสอบจะมีให้จับคู่ ,Yes/No/Not Given เป็นข้อสอบที่ให้เราอ่านบทความแล้ววิเคราะห์ว่า ประโยคไหนในแต่ละข้อมีความคิดแนวทางไปทางเดียวกับผู้เขียน แนะนำให้อ่านจนแน่ใจก่อนว่าโจทย์สื่อถึงอะไร รูปแบบไหน,เรียงลำดับ หรือแบบปรนัยด้วย เกณฑ์ตารางการให้คะแนนจะเหมือนกับพาร์ท Listening
อย่าลืมหาบทความมาฝึกอ่านบ่อยๆ เพื่อจะได้เป็นคนอ่านเร็วขึ้น มีคล่องแคล่ว และข้อไหนที่ทำไม่ได้ แนะนำให้ข้ามไปก่อน ค่อยกลับมาตอบทีหลัง อย่าอยู่กับข้อใดข้อหนึ่งนานเกินไป จนทำข้อสอบไม่ทันนะคะ
Writing
คือ การทดสอบการเขียน ในการสอบแบบ Academic จะมีเวลาให้ 60 นาที และมีทั้งหมดสองส่วน แยกได้ดังนี้
- Task 1 ต้องเขียนเกี่ยวกับ ไดอะแกรม พวกกราฟแท่ง กราฟเส้น หรือวงกลม (pie chart) หรือตาราง การจัดลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง โดยการทดสอบทั้งหมดนี้เป็นการวัดระดับความสามารถในการจัดระเบียบข้อมูลและการอธิบายเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านั้น ต้องเขียนตอบไม่น้อยกว่า 150 คำ ซึ่งส่วนนี้แนะนำว่าไม่ควรใช้เวลาเกิน 20 นาที
- Task 2 เป็นการเขียนตอบในหัวข้อทั่วไป โดยให้เราแสดงความคิดเห็นของตัวเอง อาจจะเสนอวิธีการแก้ปัญหา การเปรียบเทียบทางเลือก ต้องเขียนตอบไม่น้อยกว่า 250 คำ จึงไม่ควรใช้เวลามากเกินกว่า 40 นาที
Speaking
คือ การทดสอบการพูด ใช้เวลาในการสอบประมาณ 10-15 นาที เป็นการสัมภาษณ์ระหว่างผู้สอบและเจ้าหน้าที่ เพื่อทดสอบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งการทดสอบจะแบ่งเป็นสามส่วน ดังนี้
ส่วนที่หนึ่ง เป็นส่วนที่ถือว่าง่ายสุด เจ้าหน้าที่จะทำการสัมภาษณ์คุณในเรื่องส่วนตัว คุยกันแบบสบายๆ ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง อย่างเรื่องครอบครัว เรื่องเรียน และเรื่องความสนใจของคุณ เช่น ชอบทำงานอดิเรกอะไร และจะมี key question ที่นำไปสู่การสอบส่วนที่สอง โดยข้อสอบส่วนที่หนึ่งนี้จะใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 5 นาที
ส่วนที่สอง เริ่มยากขึ้นมาหน่อย เป็นการ์ดคำถาม โดยผู้สอบจะต้องตอบคำถามจากหัวข้อที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ มีเวลาให้เตรียมตัว 1 นาที และทดสอบการพูดประมาณ 2 นาที และเจ้าหน้าที่จะทำการถามคำถามจากสิ่งที่คุณได้พูดไป ต่อเนื่องมาจากคำถามส่วนที่หนึ่ง
ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ยากสุด เป็นการโต้แย้งกันระหว่าง Examiner กับ ผู้เข้าสอบ โดยแสดงความคิดเห็น ซึ่งหัวข้อที่โต้แย้งกันก็จะเป็นหัวข้อในส่วนที่สอง ใช้เวลาในส่วนนี้ประมาณ 5 นาที
เกณฑ์ในการให้คะแนน IELTS Speaking
- Fluency and Coherence ความคล่องและความต่อเนื่องทางภาษา
- Lexical Resource ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่กว้างและหลากหลาย และเลือกใช้คำศัพท์ในแต่ละบริบทที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม ตามรูปประโยคนั้นๆ
- Grammatical Range and Accuracy ใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษและ Tense ได้ถูกต้อง รวมทั้งการเชื่อมคำได้อย่างถูกหลักไวยากรณ์
- Pronunciation ความสามารถในการใช้สำเนียงออกเสียง
ตามที่เบื้องต้นได้แจ้งไว้ก็คือ การสอบไอเอลมีระดับผลคะแนน 9 ระดับจากสูงไปต่ำ ในแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ โดยผลคะแนนสอบจะออกมาหลังจากการสอบประมาณ 5 วัน ผลสอบเก็บไว้ไว้ได้นาน 2 ปี และไม่มีการแจ้งผลสอบทางโทรศัพท์ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
6 เทคนิค เตรียมตัวสอบ IELTS เตรียมตัวดี คะแนนสูง ชัวร์!
- เตรียมหูให้พร้อมสำหรับพาร์ท Listening ข้อควรทราบ! ในข้อสอบ IELTS เปิดให้ฟังรอบเดียว สำเนียงภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสอบจะมาจากประเทศเจ้าของภาษาหลากหลายสำเนียง ไม่ว่าจะเป็น North America, Australia, New Zealand, Britain เป็นต้น ดังนั้นลองฝึกทักษะการฟังเยอะๆ ให้มากที่สุด อาจจะฝึกฟังจากคลิปต่างๆ ใน Youtube ดูหนังแบบปิด Subtitle หรือฟังช่องข่าวภาษาอังกฤษดูนะคะ
- ตั้งเวลาการฝึกซ้อม ข้อสอบ Listening ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาที มีเวลาฟัง 30 นาที และให้เวลาเขียนคำตอบลงกระดาษอีกแค่ 10 นาที ฉะนั้น ลองตั้งเวลาขณะฝึกทำแบบฝึกหัด เพื่อบริหารเวลาของตนเองให้ดี ซึ่งการตั้งเวลาฝึกซ้อม นอกจากจะทำให้ทราบจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง ยังช่วยลดความกดดันระหว่างทำข้อสอบได้อีกด้วย
- อ่านโจทย์ให้ดี ทุกการทำข้อสอบ ทุกพาร์ท อย่าลืมที่จะอ่านโจทย์ คำสั่งให้เข้าใจว่าโจทย์ให้ทำอะไร ต้องตอบแบบไหน ก็จะช่วยให้น้องๆ ได้คะแนนเพิ่มขึ้น และอย่างในข้อสอบเขียน ลองอ่านให้ดี ว่าโจทย์ต้องการกี่คำ เช่น ถ้าคำสั่งบอก 150 words สำหรับ Task 1 เราก็ควรจะเขียนให้อยู่ใน 150 คำ หากมีเวลาว่าง ลองฝึกเขียนให้อยู่ในจำนวนคำที่กำหนดดู
- ฝึกทำข้อสอบให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ พร้อมตั้งเวลาในการทำข้อสอบ ฝึกทำแบบฝึกหัด เพื่อจะได้รู้ว่าในการทำข้อสอบ เราใช้เวลาไปเท่าไหร่ หาจังหวะของตัวเองดูนะคะ การตั้งเวลาช่วยให้เราทำข้อสอบได้ดีภายใต้แรงกดดัน และยังช่วยให้รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง หากไม่สามารถทำข้อสองการอ่านเสร็จได้ทันเวลา ก็ควรฝึกด้านการอ่านเพิ่มเติม หากต้องการจำศัพท์ให้ดีขึ้น ลองจดศัพท์หรือประโยคสั้นๆ แปะไว้ตามสถานที่ๆ จะมองเห็นได้ง่าย
- พัฒนาเทคนิคของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ จากข้อความข้างต้น น้องๆ คงทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่าแต่ละ part ของของสอบต้องทำอะไร น้องๆ ก็จะสามารถพัฒนาเทคนิคของตัวเองที่ช่วยทำข้อสอบให้เร็วขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การทำข้อสอบพาร์ท Listening ลองใช้วิธีการขีดเส้นใต้คำที่เป็น Keyword เทคนิคนี้จะช่วยให้จับคำได้จากบทสนทนา หรือถ้าต้องการทำข้อสอบพาร์ทเขียนแบบเร็วๆ ก็ลองฝึกอ่านคำถามก่อนแล้วค่อยมาอ่านเนื้อหา เทคนิคของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป ข้อสำคัญ คือ เราต้องหาวิธีที่เหมาะกับเราค่ะ
- หาเพื่อนร่วมเรียน ร่วมสอบ IELTS เทคนิคง่ายๆ การมีเพื่อนร่วมเรียนรู้ ฝึกทำข้อสอบไปด้วยกัน จะยิ่งช่วยให้เราคล่องมากขึ้น และยิ่งถ้าเพื่อนมีทักษะ มีความรู้ในภาษาอังกฤษดีกว่าเราก็ยิ่งช่วยให้ทักษะเราเพิ่มขึ้นอีก และยังจะเป็นผลดีโดยเฉพาะกับการสอบพูดด้วยหากมีเพื่อนมาเป็นคู่สนทนา ลองซ้อมพูดกับเพื่อนแล้วอัดเสียงไว้ มานั่งวิเคราะห์ดูว่าเราพูดเร็วไปไหม พูดติดขัดหรือเปล่า หรือตอบตรงคำถามไหม การฝึกพูดและปรับปรุงการพูด จะทำให้เราพัฒนาตนเองยิ่งขึ้น
ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสอบไอเอลท์เพิ่มขึ้นเยอะเลยใช่ไหมละคะ? น้อง ๆ ที่มีความตั้งใจอยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือเข้าทำงานทั้งในไทยและต่างประเทศ และจำเป็นต้องใช้ผลการสอบวัดระดับทางภาษา IELTS เตรียมตัวให้ดีแล้วลุยทำคะแนนสูงๆ กันเลย! สมัครสอบไอเอลท์กับ British Council IELTS ผ่านเราได้แล้ววันนี้ หรือจะมาทดลองสอบ Demo IELTS Test กับ SI-English ก่อนก็ได้นะคะ จัดสอบทุกวันอังคารที่ 2 และ4 ของเดือน เช็ครอบสอบ คลิก!
สำหรับน้องๆ ที่สนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษใน สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ สามารถ ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาจากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อต่างประเทศของ SI-English ได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ