SAT ข้อสอบมาตรฐานที่มีเพื่อ ใช้วัดทักษะความรู้ด้าน verbal และ mathematical reasoning ผลคะแนนสามารถนำไปใช้อ้างอิงเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาทั้งในประเทสและนอกประเทศ หรือนำไปใช้เพื่อขอทุนการศึกษาก็ได้ด้วย ใน 1 ปีจะมีการสอบ 4 ครั้ง คือในเดือนมีนาคม พฤษภาคม ตุลาคม และธันวาคม สามารถสมัครสอบผ่านเว็บไซต์ collegeboard.com ใครที่สมัครสอบ SAT ไว้ ไม่ว่าจะเพื่อเรียนต่อในประเทศหรือต่างประเทศ เตรียมตัวดีพร้อมแล้วหรือยัง? ถ้ายัง รีบมาอ่านนี่ก่อนดีกว่ากับ 8 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะไปสอบ SAT บทความดีๆ สำหรับคนที่กำลังจะไปสอบ SAT ค่ะ
#1 อันดับแรกเติมช่องว่างเนื้อหาก่อน
ใครที่มีปัญหากับทักษะดานคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ขอแนะนำให้คุณเรียนรู้อย่างเจาะลึกเพื่อดูปัญหาของโจทย์และการวิเคราะห์ ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถตีโจทย์ได้จริงๆ ให้มุ่งเน้นไปที่การเติมช่องว่างเนื้อหาก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อการทำข้อสอบของคุณจะได้ง่ายมากขึ้น
#2 พยายามจำสูตรให้ได้มากที่สุด
อย่างที่บอกไปว่าถ้ามีทักษะด้านคณิตศาสตร์น้อย ให้ฝึกและทบทวนบ่อยๆ การจำสูตรพื้นฐานต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการทำข้อสอบ SAT ไม่ว่าจะเป็นสูตรพื้นที่ของรูปทรง ปริมาตร ขั้นตอนการหาคำตอบต่างๆ อย่าลืมใช้เวลาทบทวนและท่องจำสูตร แล้วลองหาโจทย์ที่ต้องใช้สูตรเหล่านั้นมาประยุกต์ และลองทำดูจะทำให้ทำข้อสอบได้มากขึ้น คะแนนมากขึ้นและมีคุณภาพ
#3 จับใจความสำคัญของคำถาม
เทคนิคสำคัญในการทำข้อสอบ SAT พาร์ทคณิตศาสตร์ อ่านคำถามแล้วจับใจความสำคัญ ประเด็นของคำถามให้ได้ จะได้ไม่พลาด เน้นสิ่งที่คำถามต้องการ ใช้ขั้นตอนคำนวณให้ถูกต้อง บางครั้งโจทย์ทางคณิตศาสตร์เน้นที่วิธีทำมากกว่าผลลัพธ์ นักศึกษาหลายคนโฟกัสผิดจุด ทำให้คำตอบผิดพลาดได้คะแนนน้อย
#4 เมื่อรู้ว่าทำโจทย์ผิด ทำความเข้าใจก่อน
ในระหว่างที่ฝึกทำและทบทวนข้อสอบ เมื่อพบว่ามีข้อที่ผิดพลาดให้ดูและวิเคราะห์ด้วยตัวเองก่อนว่าผิดพลาดตรงไหน ก่อนที่จะไปดูคำอธิบาย เพื่อจะได้รู้วิธีแก้ปัญหา การแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้จะทำให้คุณรู้คำตอบอย่างสบาย และยังสามารถตอบคำตอบที่ถูกต้องที่สุดได้อีกด้วย
#5 พกเครื่องคิดเลขไว้ไม่เสียหาย
การใช้เครื่องคิดเลขจะพบเห็นสได้มากในเด็กนักเรียนภาคอินเตอร์ ที่มักจะติดการใช้เครื่องคิดเลขจนเป็นนิสัย แต่ทางเราขอแนะนำให้พยายามคิดด้วยมือ คิดในใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเมื่อวันหนึ่งก็จะรู้เองว่าโจทย์แบบไหนคิดมือเร็วกว่า หรือแบบไหนใช้เครื่องคิดเลขเร็วกว่า แล้วเราจะใช้มันได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
#6 อ่านเนื้อหาส่วนสำคัญเป็นอันดับแรก
ในข้อสอบ SAT แบบ verbal ก่อนอื่นจะรู้หัวใจสำคัญของเนื้อเรื่องที่อ่าน จะทำให้รู้ถึงเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้น เน้นการอ่านตรงเนื้อหาส่วนสำคัญหรือใจความคิดหลัก ช่วยประหยัดเวลาในการอ่าน และสามารถเจาะจง ทำให้สรุปได้ทันที เป็นวิธีจับจุด SAT สำหรับการตอบคำถามรายละเอียดที่ต้องการได้
#7 มุ่งเน้นตอบคำถามที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ
ข้อสอบส่วนใหญ่ใน SAT มักจะเป็นสไตล์การตอบคำถามเป็นข้อๆ และจะต้องตอบคำถามที่มีรายละเอียดย่อยๆ ด้วยให้ได้ โดยส่วนสำคัญจะอยู่ในเนื้อเรื่อง ไม่ต้องโฟกัสเนื้อเรื่องทั้งหมด แต่สามารถเลือกตอบในคำถามส่วนที่ตอบได้ก่อนหรือจะค่อย ๆ อ่านเนื้อเรื่องไปพร้อมกับคำถาม แล้วจึงไปตอบคำถามในส่วนที่ยาก โดยใช้วิธีอ่านเนื้อเรื่องแบบเจาะจง ช่วยให้การสอบครั้งนี้ของคุณเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
#8 อ่านเนื้อหาแบบเต็มๆ
ในส่วนของการอ่านเพื่อการสอบ SAT นั้น ควรอ่านเนื้อหาแบบเต็มๆ ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 นาที ใช้ความสามารถดึงข้อมูลและเนื้อหาออกมาวิเคราะห์ และตอบคำถามออกมาได้อย่างรวดเร็วและเต็มที่ อย่าลืมตรวจสอบคำถามและคำตอบอีกครั้ง เมื่อทำข้อสอบเสร็จด้วย เนื่องจากวิธีนี้ค่อนข้างเร็วอาจจะมีการผิดพลาดขึ้นในช่วงของการจำข้อมูลและเนื้อหานั่นเอง
SAT มีการจัดการสอบในหลายประเทศ ซึ่งจะใช้ข้อสอบชุดเดียวกันและสอบในเวลาเดียวกันทั่วโลก SAT ไม่จำกัดอายุของผู้เข้าสอบ แต่จำกัดอายุของผลคะแนนสอบให้มีอายุใช้งานได้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เข้าไปยื่นและสามารสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ปกติสอบกันไม่เกิน 2 ครั้ง สำหรับสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปสอบ SAT ทั้งพาร์ทของverbal และ mathematical reasoning ก็มีประมาณนี้ อย่าลืมทบทวนข้อสอบบ่อยๆ เพื่อให้ทำข้อสอบได้ดี รับรองว่าคะแนนต้องออกมาดี ผ่านเกณฑ์ SAT จะไม่ทำให้ SAD แน่นอนค่ะ !!
หากคุณสนใจจะเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและไอร์เเลนด์ คุณสามารถมาลงทะเบียนกับ SI-English ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เพื่อขอรับคำแนะนำและปรึกษาฟรี!ได้เเล้ววันนี้
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ไขข้อข้องใจว่าทำไมเราต้องสอบ IELTS
การสอบ IELTS TOEIC และ TOEFL แตกต่างกันอย่างไร